วันจันทร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2557

9.สึนามิ

สึนามิ (tsunami) เป็นคลื่นขนาดยักษ์ที่มีกำเนิดจากในมหาสมุทรและเคลื่อนที่เข้าสู่ชายฝั่ง คำว่าสึนามินี้เป็นภาษาญี่ปุ่น มีความหมายตามรากศัพท์ว่า คลื่นท่าเรือ ในภาษาอังกฤษบางครั้งอาจเรียกคลื่นนี้ว่าไทดัลเวฟ (tidal wave) อันหมายถึงคลื่นที่เกิดจากกระแสน้ำขึ้นน้ำลง แต่ในทางวิทยาศาสตร์แล้วถือว่าผิดความหมายเพราะสึนามิไม่ได้เกิดจากกระแสน้ำขึ้นน้ำลงแต่อย่างใด  สึนามิมักเกิดในมหาสมุทรแปซิฟิก และประเทศที่ต้องผจญกับสึนามิบ่อยๆไม่ต้องบอกก็คงเดากันได้ว่าคือประเทศญี่ปุ่น เพราะเป็นข่าวบ่อยครั้งจนศัพท์สึนามินี้เป็นที่รู้จักกันดีทั่วไป ในรอบศตวรรษที่ผ่านมา ประเทศญี่ปุ่นต้องเผชิญกับสึนามิถึง 250 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตรวมกันแล้วกว่า 100,000 คน

สึนามิเกิดขึ้นได้อย่างไร
สึนามิและคลื่นตามชายฝั่งธรรมดานั้นมีกำเนิดที่แตกต่างกัน คลื่นโดยทั่วไปเกิดจากกระแสน้ำขึ้นน้ำลงและกระแสลม แต่สึนามินั้นเกิดจากการแทนที่น้ำอย่างรุนแรง ทำให้มวลของน้ำเกิดการเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงลองนึกเปรียบเทียบกับการที่เราโยนก้อนหินลงในน้ำ หากเราโยนหินก้อนเล็กๆ เราจะสังเกตเห็นว่าผิวน้ำเกิดเป็นระลอกแผ่ออกไปจากจุดที่ก้อนหินตกลงน้ำ ยิ่งหินก้อนใหญ่เท่าไร ระลอกที่เกิดก็ยิ่งมีขนาดใหญ่ขึ้น ทั้งนี้เพราะเมื่อหินตกลงในน้ำจะเกิดการแทนที่น้ำ และพลังงานที่ก้อนหินตกใส่น้ำก็จะถูกถ่ายเทจากก้อนหินไปสู่น้ำ ทำให้มวลของน้ำเกิดการเคลื่อนที่ ทำให้เราเห็นเป็นระลอกคลื่น หินก้อนยิ่งใหญ่ พลังงานที่ถ่ายเทให้แก่น้ำก็ยิ่งมาก ระลอกที่เกิดจึงมีขนาดใหญ่และแผ่ออกไปได้ไกลมากยิ่งขึ้น
ในทำนองเดียวกัน ในธรรมชาติสามารถเกิดปรากฏการณ์แทนที่น้ำได้ ยกตัวอย่างเช่นการเกิดภูเขาไฟระเบิดในทะเล การเกิดแผ่นดินไหวหรือแผ่นดินถล่มในทะเล การเกิดแผ่นดินไหวบนแผ่นดินใกล้ชายฝั่ง ฯลฯ เหล่านี้ล้วนแต่ทำให้เกิดการแทนที่น้ำอย่างรุนแรงได้ทั้งสิ้น และนอกจากปรากฏการณ์ธรรมชาติในโลกเหล่านี้แล้ว ปรากฏการณ์ธรรมชาติจากนอกโลกอันได้แก่การที่อุกาบาตหรือดาวหางตกลงในมหาสมุทรก็ทำให้เกิดการแทนที่น้ำอย่างรุนแรงได้เช่นกัน ผลจากปรากฏการณ์เหล่านี้จะเกิดการถ่ายเทพลังงานให้แก่น้ำ และมวลของน้ำก็จะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงแผ่กระจายออกจากจุดที่น้ำถูกแทนที่ ทำให้เกิดเป็นสึนามิขึ้น

สาเหตุการเกิด
คลื่นสึนามิส่วนใหญ่เกิดจากการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกใต้ทะเลอย่างฉับพลัน อาจจะเป็นการเกิดแผ่นดินถล่มยุบตัวลง หรือเปลือกโลกถูกดันขึ้นหรือยุบตัวลง เมื่อแผ่นดินใต้ทะเลเกิดการเปลี่ยนรูปร่างอย่างกระทันหัน จะทำให้น้ำทะเลเกิดเคลื่อนตัวเพื่อปรับระดับให้เข้าสู่จุดสมดุลและจะก่อให้เกิดคลื่นสึนามิ การเปลี่ยนรูปร่างของพื้นทะเลมักเกิดขึ้นเมื่อเกิดแผ่นดินไหวเนื่องจากการขยับตัวของเปลือกโลก ซึ่งจะเกิดบริเวณที่ขอบของเปลือกโลกหลายแผ่นเชื่อมต่อกันที่เรียกว่า รอยเลื่อน (fault) เช่น บริเวณขอบของมหาสมุทรแปซิฟิก นอกจากแผ่นดินไหวแล้ว ดินถล่มใต้น้ำที่มักเกิดร่วมกับแผ่นดินไหวสามารถทำให้เกิดคลื่นสึนามิได้เช่นกัน นอกจากการกระทบกระเทือนที่เกิดใต้น้ำแล้ว การที่พื้นดินขนาดใหญ่ถล่มลงทะเล หรือการตกกระทบพื้นน้ำของเทหวัตถุ ก็สามารถทำให้เกิดคลื่นได้ คลื่นสึนามิที่เกิดในรูปแบบนี้จะลดขนาดลงอย่างรวดเร็วและไม่มีผลกระทบต่อชายฝั่งที่อยู่ห่างไกลมากนัก อย่างไรก็ตาม ถ้าแผ่นดินมีขนาดใหญ่มากพอ อาจทำให้เกิด เมกะสึนามิ ซึ่งอาจมีความสูงร่วมร้อยเมตรได้

ข้อควรปฏิบัติเมื่อเกิดสึนามิ

1. กรณีที่อยู่บนบก
หากได้รับสัญญาณเตือนภัยข่าวการเกิดคลื่นสึนามิ ควรเคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่เสี่ยงภัย และปฏิบัติตามคำ แนะนำของเจ้าหน้าที่หากอยู่บริเวณชายหาด และรู้สึกได้ถึงแผ่นดินไหว ให้รีบหนีไปอยู่บริเวณที่สูงและอยู่ห่างจากแม่น้ำหรือคลองที่ ต่อเชื่อมลงสู่ทะเลหรือมหาสมุทรหากเกิดคลื่นสึนามิในบริเวณมหาสมุทรที่ห่างไกล ก็มีเวลาเพียงพอที่จะหาบริเวณที่สูงสำหรับหลบภัยได้ แต่สำหรับคลื่นสึนามิที่เกิดขึ้นประจำในท้องถิ่น เมื่อรู้สึกถึงแผ่นดินไหว ก็จะมีเวลาเพียง 2 -3 นาทีเท่านั้นสำหรับหาที่หลบภัยได้สำหรับตึกสูง หลายชั้นและ มีโครงสร้างเสริมความแข็งแรง ชั้นบนของตึกสามารถใช้เป็นที่หลบภัยคลื่นสึนามิได้ในกรณีที่ไม่มีเวลาพอในการหาที่สูงหลบภัย

2. กรณีที่อยู่ในทะเล

ปกติผู้เดินเรือจะไม่ทราบว่าเกิดสึนามิเมื่ออยู่ในทะเล และเมื่อได้ยินการเตือนภัย ห้ามเข้าชายฝั่งเพราะระดับน้ำจะเปลี่ยนแปลงอย่างมากที่ชายฝั่ง แต่ถ้าเรือกำลังจะออกจากท่าเรือให้ติดต่อกับท่าเรือเพื่อรับฟังคำแนะนำ ถ้ารับทราบคำเตือนและมีเวลาที่จะไปยังน้ำลึกก็อาจจะไปอย่างเป็นระเบียบ แต่สำหรับเรือเล็กอาจจะปลอดภัยกว่าถ้าอพยพออกจากเรือไปยังที่สูง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น